บล็อกนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อการเรียนการสอนรายวิชา อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ของ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

mookky

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศฝรั่งเศส

ข้อมูลทั่วไป

      สาธารณรัฐฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่นๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรนจนถึงมหาสมุทรแอตแลนติกชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม (L'Hexagone)เนื่องจากรูปทรงทางกายภาพของประเทศ ประเทศฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี โดยยึดอุดมการณ์จากปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมืองประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์รา สเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครอง ทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและซูรินาเม (ติดกับเฟรนช์เกียนาและหมู่เกาะอินดีสเนเธอร์แลนด์ตะวันตก (ติดกับแซงต์-มาร์แตง)อีกด้วย นอกจากนั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษอีกด้วยประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17เป็นต้นมาในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 จักรวรรดิฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศจักรวรรดินิยมที่มีอาณานิคมในครอบครองมากที่สุดในโลกแผ่อาณาเขตตั้งแต่แอฟริกาตะวันตกจนถึงเอเชียอาคเนย์ ซึ่งเห็นได้ชัดจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม ภาษาและการเมืองการปกครองของดินแดนนั้นๆ ประเทศฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 6ของโลก ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 82ล้านคนต่อปี ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอีกด้วย ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ เป็นสมาชิกประชาคมผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสโลกจีแปด นาโต้และ สหภาพละติน ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 360 หัวรบและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 59 แห่ง




สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ


หอไอเฟล





         หอคอยเหมือนเป็นสิ่งที่ชาญฉลาดทางเทคโนโลยี ในอดีตไม่เคยมีใครสร้างหอคอยที่สูงกว่า 1,000 ฟุต หลายคนพยายามลอง แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาก็มีการออกแบบไว้อยู่หลายแบบ แต่ก็ไม่เคยสร้างจริงขึ้นมา ฝรั่งเศสได้จัดการประกวดเพื่อออกแบบหอคอย แบบแรกถูกเสนอโดย เวอร์ริส คล็อกลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะวิศวกรของ กุสตาฟ ไอ-เฟล (Gustave Eiffel)
กุสตาฟ ไอเฟล เป็นทั้งสถาปนิกและวิศวกรชั้นนำของฝรั่งเศส ชื่อเสียงของเขาเกิดจาก การออกแบบสะพานที่เต็มไปด้วยจินตนาการ เขาค้นคว้าเกี่ยวกับแนวคิดในการออกแบบด้วยโครงสร้างโลหะ การที่มี กุสตาฟ ไอเฟล เข้ามาร่วมงาน จึงเป็นเครื่องรับประกันในเรื่องเงินทุนสนับสนุน และความสำเร็จของงาน วิศวกรหนุ่มของ กุสตาฟ ไอเฟล 2 คน คือ เวอร์ริส คล็อกลิน และ เอมิล นูลจิเย เริ่มแนวคิดในการสร้างหอคอยสูง 300 เมตร สำหรับงานแสดงสินค้าในปี ค.ศ.1890 ในปารีสเขาเริ่มร่างแบบโครงสร้างของหอ-คอยอย่างคร่าวๆ และขอให้สถาปนิกชื่อ สตีเฟน สเตาว์เธอร์ ออกแบบส่วนตกแต่งเพื่อเติม ซึ่งมีลักษณะเป็นช่อดอกไม้ โค้ง และมีปติมากรรมเล็กๆ น้อยๆ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดทางสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1887 ว่า สามารถสัมผัสกับท้องฟ้าในระดับที่เป็นไปไม่ได้ คือ 1,000 ฟุต
กุสตาฟ ไอเฟล ได้เห็นแบบแปลนและอนุมัติ เขาได้สนใจแนวคิดเกี่ยวกับหอคอยนี้ และได้ออกแบบส่วนตกแต่งเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเข้าไปด้วย การมีชื่อ กุสตาฟ ไอเฟล อยู่ในโครงการ ทุกคนรู้ผลลัพธ์ของการแข่งขันนี้ การมีสายสัมพันธ์ทางการเมืองและสังคมของกุสตาฟ ไอเฟล ทำให้มีความพร้อมที่จะผลักดันให้โครงการผ่านหน่วยงานปกครองของปารีสได้อย่างรวดเร็ว และทำให้โครงการจากแบบแปลนสำเร็จเป็นจริงได้ หอคอยซึ่งออกแบบจากความก้าวหน้าในยุคอุตสาหกรรม เป็น งานที่มีความท้าทายทางวิศวกรรม และ กุสตาฟ ไอเฟล จะได้แสดงให้เห็นถึงความความคิดสร้างสรรค์ของเขาที่เคยใช้ในการออกแบบมาแล้ว
28 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1887 กุสตาฟ ไอเฟล ได้เชิญแขกมากมายมาเป็นพยานในการก่อสร้าง เขาอายุ 53 ปี และหอคอยจะเป็นความสำเร็จที่สมบูรณ์แบบของเขา ในขณะที่พิธีการเริ่มขึ้น วิศวกร 50 คนต้องช่วยกันร่างแบบ จำนวน 5,300 แผ่นสำหรับคนงาน 132 คน ใช้ในพื้นที่ก่อสร้าง ต้องใช้เวลา 4 เดือน ในการทำฐานรากสำหรับขาของหอ-คอย เสา 2 ต้น ถูกติดตั้งบนฐานคอนกรีตหนา 6 ฟุตครึ่ง ที่ความลึก 23 ฟุตจากระดับดิน และมีขา 2 ข้างที่ใกล้กับแม่น้ำแซนมาก จึงต้องใช้เขื่อนโลหะกันน้ำ ป้องกันในขณะที่ทำการเทคอนกรีตบนพื้นที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ
หมุด 2 ล้าน 5 แสนตัว ที่ใช้ยึดโครงเหล็กของหอไอเฟล
บนพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัสของฐานหอคอยมีความกว้างด้านละ 426 ฟุต จะมีขาของหอคอยทั้ง 4 ในแต่ละด้าน รองรับน้ำหนักของโครงสร้างโลหะกว่า 7,000 ตัน บนฐานจะเป็นฐานก่ออิฐซึ่งจะฝังสมอยึด 2 ตัวสำหรับขาแต่ละข้าง จากฐานนี้ ขาจะถูกขึ้นเป็นมุม 60 องศาในลักษณะคานโครงเหล็ก คานนี้ประกอบไปด้วยท่อนเหล็กและเหล็กแผ่นที่ถูกยึดติดกันที่ด้านข้าง โครงสร้างที่ได้จะมีความเข็งแรงมาก แต่มีนำหนักเบา ประกอบง่าย ใช้มาตรฐานเดียวกัน และ มีราคาไม่แพง เมื่อประกอบเสร็จจะใช้ชิ้นส่วนโลหะทั้งหมด 18,000 ชิ้น และหมุดยึดอีก 2 ล้าน 5 แสน ตัว เพื่อประกอบเป็นหอคอย ทั้งหมดใช้เพียงเหล็กท่อนแบนและแผ่นเหล็กในการประกอบ
กุสตาฟ ไอเฟล เป็นคนแรกที่เดินขึ้นบันได 1,710 ขั้น เพื่อขึ้นไปที่จุดสูงสุดของหอคอย แล้วแขวนธงชาติ 3 สีของฝรั่งเศส มีการเปิดงานแสดงสินค้าในปี ค.ศ.1889 ในกรุงปารีส งานชิ้นเอก คือหอคอยที่สูงกว่า 300 เมตรที่งดงาม และในที่สุดมันจะเป็นที่รู้จักในนาม หอไอเฟล
ตอนแรกหอคอยถูกเรียกว่า หอคอยแห่ง 320 เมตร , หอคอย 320 เมตร ต่อมามันก็กลายเป็น หอไอเฟล หอไอเฟลถูกวางในพื้นที่ราบเรียบของปารีส และก็ ทำรายได้มหาศาลให้กับ กุสตาฟ ไอเฟล เนื่องจากความมั่นใจถึงความสำเร็จของเขา กุสตาฟ ไอเฟล ได้ออกเงินในการก่อสร้างกว่า 80% และทำสัญญาเป็นผู้ดูแลหอนี้เป็นเวลา 20 ปี กุสตาฟ ไอเฟล มีห้องพักอยู่บนหอคอย ที่ซึ่งเขาทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ และพบปะแขกคนสำคัญ ในปีแรก นักท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านคน เดินทางขึ้นลิฟท์เพื่อชมทัศนียภาพของปารีสบนยอดหอคอย ก่อให้เกิดรายได้กว่า 1 ล้านดอลลาร์
กุสตาฟ ไอเฟล มีรายได้มาจากหอไอเฟลมาก เขาอาจเป็นวีรบุรุษของฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1889 แต่อีก 1 ปี หลังจากนั้นเขาถูกตัดสินให้มีความผิด ในการหากำไรกับความล้มเหลวของฝรั่งเศสในการก่อสร้างคลองปานามา โครงการนี้เป็นความฝันของวิศวกรชาวฝรั่งเศสชื่อ เฟอร์ดินาน เดอ เลเซต ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างคลองสุเอด และตั้งใจจะทำเช่นนี้อีกในปานามา เดอ เลเซต ได้เชิญ ไอเฟล มาให้คำแนะนำในทางวิศวกรรมในการสร้างทางน้ำผ่านป่าทึบ ไอเฟล ได้เสนอแนวคิดระบบปิดกันน้ำแบบใหม่ แต่ เดอ เลเซต ไม่เห็นด้วย ผลที่ตามมาคือหายนะ การขุดคลอดไม่สามารถทำผ่านป่าทึบได้ รัฐบาลฝรั่งเศสแทบล้มลาย ผลกระทบทางการเมืองรุนแรงมาก ผู้ที่เกี่ยวข้องถูกประนาม- และ ไอเฟลก็ถูกตัดสินจำคุก 24 เดือน ซึ่งภายหลังถูกยกเลิก แต่บัดนี้ ไอเฟล ก็หมดความปรารถนาในการก่อสร้าง และไม่ได้สร้างอะไรอีกเลย
ขณะนั้น ไอเฟล มีอายุ 73 ปี และได้อุทิศตนให้กับงานด้านวิทยาศาสตร์ โดยให้ความสำคัญกับการค้นคว้าเกี่ยวกับ อากาศพลศาสตร์ และ ได้สร้างห้องทดลองของตนขึ้นและ ยังคงเปิดทำการจนถึงทุกวันนี้ กุสตาฟ ไอเฟล ทดสอบแรงต้านทานของลมเป็นครั้งแรก เพราะตลอดเวลาการทำงานที่ผ่านมาของเขา ลมคือศัตรูหมายหนึ่ง ในช่วง ค.ศ.1906-1909 ไอเฟล ตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับอากาศพลศาสตร์ และได้สร้างอุโมงค์ลมขึ้นเป็นแห่งแรก และเป็นจุดกำเนิดของการศึกษาด้านการบินของฝรั่งเศส
กุสตาฟ ไอเฟล เป็นวิศวกรที่ยอดเยี่ยมและเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ในการสร้างหอคอยสูง 300 เมตร ในตอนแรกมีความตั้งใจว่าหอคอยนี้ จะมีอายุการใช้งานเพียง 20 ปี เขาเริ่มคุ้นเคยกับสถานะภาพชั้นสูงของปารีส และต่อมาเขาพยายามอย่างมากในการรักษาหอคอยเอาไว้ วิทยุเป็นสิ่งที่รักษาหอคอยเอาไว้ เนื่องจากความสูงของมัน สัญญาณวิทยุสา -มารถส่งไปถึงอเมริกาเหนือได้ ถึงแม้ต่อมาก็มีคำสั่งให้รื้อทิ้งในปี ค.ศ.1909 แต่หอไอเฟลก็รอดพ้นมาได้ โดย ช่วยเป็นเสาวิทยุให้ฝรั่งเศสติดตามสงคราม ที่กำลังก่อตัวขึ้นในเยอรมนี
มันถูกออกแบบให้เป็นผลงานชิ้นเอกในงานแสดงสินค้านานาชาติในปี ค.ศ.1889 บัดนี้นับกว่า 1 ศตวรรษการฉลองยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ผู้คนมากกว่า 1 พันคนได้มาเยี่ยมชมหอไอเฟลทุกๆ ชั่วโมง โดยมีลิฟท์ 4 ตัว ลิฟท์ 1 ตัวต่อ 1 ขา เคลื่อนที่ทำมุม 60 องศา หัวใจสำคัญในการเคลื่อนที่อยู่ภายใต้ขาหอคอยภายในสุสานใต้ดินนับร้อยปี -โดยใช้น้ำภายใต้แรงดันเป็นตัวขับลูกสูบไปผลักล้อเลื่อนให้ดึงสายเคเบิลขึ้นไป เทคโนโลยีอายุร้อยปีถูกหล่อลื่นด้วยไขมันแกะและยังทำงานได้อย่างดี และลิฟท์ที่ชั้น 3 จะขนผู้โดยสายขึ้นไปบนยอดหอคอย
ที่บนสุด งานบำรุงรักษาดำเนินงานทุกวัน กลุ่มคนงาน 25 คนจะเดินไปตามนั่งร้านเหล็ก ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินงาน 18 เดือน ในการทาสีหอคอย ได้ใช้สีมากกว่า 50 ตัน - งานที่ต้องทำซ้ำๆ ในทุกๆ 7 ปี ไม่เพียงแต่ช่างทาสีที่อยู่บนหอคอยนี้เท่านั้น ช่างไฟฟ้าก็เดินดูตรวจตราหอคอยนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะมันจะต้องมีแผงทำความร้อนเพื่อควบคุมอุณหภูมิน้ำในท่อไม่ให้แข็งเพื่อป้องกันไม่ให้ท่อแตกเมื่ออุณหภูมิต่ำว่า -40 องศาฟาเรนไฮด์ และต้องดูแลหลอดไฟ 360 หลอด ซึ่งได้รับการตรวจสอบ และทำการเปลี่ยนเป็น-ประจำ เพื่อความสวยงามของหอคอย สีทีทาบนหอไอเฟล จะมีโทนสีเหลือง และการที่ถูกส่องด้วยไฟสีเหลือง ก็จะช่วยให้หอไอเฟล ถูกขับออกมาให้เด่นชัดมากขึ้น การให้แสงสว่างก็เพื่อให้หอไอเฟลเป็นดาวเด่นแห่งกรุงปารีส
ท้องฟ้าสีกุหลาบยามเย็น กัดสีผนังลายหินอ่อนของสถาปัตยกรรมในปารีส หอไอเฟลก็ยังคงตั้งอยู่ในฐานะของความมหัศจรรย์ทางเทคโนโลยี ความสำเร็จทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม เป็นสัญลักษณ์แห่งกรุงปารีส และ เป็นยังคงเป็นจิตวิญญาณของฝรั่งเศสเรื่อยไป





พระราชวังแวร์ซาย






           พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชวังที่เก่าแก่ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส แต่เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านของชาวนา พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงเป็นนักล่าสัตว์ได้มาพบจึงสร้างเป็นสถานที่นัดพบในการล่าสัตว์ และได้มีการขยายออกไปทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งกลายมาเป็นปราสาท พระราชวัง และมีการเลี้ยงฉลองกันเรื่อยมา
ปัจจุบัน พระราชวังนี้เป็นสัญญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของศิลปะและราชสำนักฝรั่งเศส สถาปนิกและวิศวกรรวมรวมทั้งมัณฑนากรหลายคน เช่น Le Vau, Mansart, Gabriel, Le Brun, Le Nôtre ได้ช่วยกันก่อสร้าง ตกแต่ง จนได้รับยกย่องว่าเป็นพระราชวังที่งดงามมาก ภายในพระราชวังมีภาพวาด ภาพแกะสลักซึ่งแสดงให้เห็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสหลายสมัย สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่เซ็นสัญญาสงบศึกกับอเมริกา ในปี ค.ศ 1783
แวร์ซายส์ นับเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันที่ก่อให้เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส เมื่อปี คศ 1789 ต่อมา ในปี ค.ศ 1815 พระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ได้เปลี่ยนสภาพพระราชวังแห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และใช้เป็นสถานที่ลงนามในสัญญาสงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับเยอรมัน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1919

นอกจากเครื่องประดับที่เก่าแก่ และสูงค่าแล้ว การจัดสวนก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่างดงามยิ่งนัก เพราะมีการตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสีสวยงามมาก โดยเฉพาะตอนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ส่วนที่เป็นป่าสำหรับล่าสัตว์ ปัจจุบันใช้เป็นที่ๆให้ผู้เข้าชมไปเดินเล่นพักผ่อน และมีม้าหินให้นั่งเล่นเป็นระยะๆ
สิ่งที่ผู้เข้าชมพระราชวังจะอดชื่นชมไม่ได้ คือ น้ำพุ มีน้ำพุมากมายและสวยงาม มีชื่อตามเทพเจ้ากรีกและโรมันต่างๆ เช่น อพอลโล และลาโตนเป็นต้น




พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์







           แต่เดิมเป็นพระราชวังที่ใหญ่โตมากที่สุดของโลก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าฟิลิปป์ ออกุสต์ ในปี ค.ศ 1204 แต่มาเสร็จในสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 3 ปี ค.ศ 1856 รวมใช้เวลาก่อสร้างถึง 7 รัชกาล เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่ ค.ศ 1791 ปัจจุบันพระราชวังเก่าแก่แห่งนี้ มีสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญและใหญ่โตที่สุดในปารีส ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรักษาวัตถุโบราณต่างๆที่มีค่าและมีชื่อเสียงของโลก เช่น ภาพเขียน La Jaconde หรือภาพโมนาลิซ่า อันเป็นภาพวาดของ Léonard de Vinci จิตกรและสถาปนิกชาวอิตาเลียน
พิพิธภัณฑ์นี้เป็นตึก 3 ชั้น ประกอบด้วยห้องถึง 225 ห้อง มีลวดลายสวยงาม
เป็นอย่างยิ่ง ทางตะวันตกของพิพิธภัณฑ์ติดกับแม่น้ำแซน ภายในมีวัตถุโบราณซึ่งเป็นศิลปะอันล้ำค่าจากชาติต่างๆที่ฝรั่งเศสเคยมีอิทธิพลปกครองมาในอดีต ส่วนใหญ่ได้มาจากตะวันออกกลางและอาณานิคมจากประเทศในเอเซีย เช่น รูป La Victoire de Samothrace, Vénus de Milo
พิพิธภัณฑ์นี้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันอังคารและวันหยุดของทางราชการ วันพุธและวันอาทิตย์เปิดให้เข้าชมฟรี
ในปี 1981 Monsieur Ioeh Ming Pei สถาปนิกชาวอเมริกัน ได้เริ่มโครงการสร้างทางเข้าพิพิธภัณฑ์เป็นรูปปิรามิดแผ่นแก้ว ครอบคลุมเนื้อที่บนลาน Napoléon
เพื่อเป็นจุดรวมของทางเข้าพิพิธภัณฑ์อันเป็นศูนย์กลางที่ให้ข้อมูลในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ใช้เป็นสถานที่นัดพบ ประชาสัมพันธ์ จุดเริ่มต้นของการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ โดยมีที่สำหรับนั่งพักผ่อน แผนกรับฝากของ ที่ทำการไปรษณีย์ ที่รับแลกเปลี่ยนเงิน สำนักงานท่องเที่ยว แผนกต้อนรับ ห้องประชุม เอนกประสงค์ขนาด 430 ที่นั่ง ห้องสมุด ร้านค้า ภัตตาคาร รวมถึงแผนกบริหารงานบุคคล ห้องเก็บของ ห้องสำหรับงานบูรณะปฏิสังขรณ์ ห้องปฎิบัติการทดลองด้วย การก่อสร้างทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในปี 1995 รวมเวลา 14 ปี

ในปี 1981 Monsieur Ioeh Ming Pei สถาปนิกชาวอเมริกัน ได้เริ่มโครงการสร้างทางเข้าพิพิธภัณฑ์เป็นรูปปิรามิดแผ่นแก้ว ครอบคลุมเนื้อที่บนลาน Napoléon
เพื่อเป็นจุดรวมของทางเข้าพิพิธภัณฑ์อันเป็นศูนย์กลางที่ให้ข้อมูลในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ใช้เป็นสถานที่นัดพบ ประชาสัมพันธ์ จุดเริ่มต้นของการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ โดยมีที่สำหรับนั่งพักผ่อน แผนกรับฝากของ ที่ทำการไปรษณีย์ ที่รับแลกเปลี่ยนเงิน สำนักงานท่องเที่ยว แผนกต้อนรับ ห้องประชุม เอนกประสงค์ขนาด 430 ที่นั่ง ห้องสมุด ร้านค้า ภัตตาคาร รวมถึงแผนกบริหารงานบุคคล ห้องเก็บของ ห้องสำหรับงานบูรณะปฏิสังขรณ์ ห้องปฎิบัติการทดลองด้วย การก่อสร้างทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในปี 1995 รวมเวลา 14 ปี




ประตูชัย





            "ประตูชัย" หรือชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า "Arc de Triomphe" ซึ่งตั้งอยู่บนถนนช็อง-เอลิเซ่ส์ที่ตำบลเอตัวล์ บริเวณจตุรัสแห่งดวงดาว (Place de l'Etoile) ประตูชัยสร้างและออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ "ช็อง ชาลแกร็ง" (Jean Chalgrin) ด้วยการออกแบบแนวนีโอคลาสสิค ซึ่งมีส่วนผสมของศิลปะแบบโรมันอยู่ด้วย สื่อความหมายถึงความสันติสุข และความเป็นปึกแผ่นของราชอณาจักรฝรั่งเศสที่ยิ่งใหญ่
ประตูชัยเริ่มก่อสร้างในปี 1806 ในสมัย พระเจ้านโปเลียนที่1 เพื่อเป็นเกียรติแก่กองทัพฝรั่งเศสกับชัยชนะในยุทธการที่เอาส์เทอลิทซ์ แต่สร้างเสร็จในสมัยพระเจ้าหลุยส์-ฟิลลิปส์ ราวๆปีค.ศ 1836 นับเป็นสิ่งก่อ สร้างที่ใช้เวลาสร้างยาวนานไม่น้อยประตูชัยมีความสูง 50 เมตร หนา 50 เมตร และกว้าง 45 เมตร ภายใต้ซุ้มโค้งประดับด้วยโล่ 30 อัน จารึกถึงการปฏิวัติที่สำคัญๆในฝรั่งเศส รวมถึงสมรภูมิการรบของจักรพรรดินโปเลียนไว้ด้วย ผนังด้านในจารึกชื่อของนายพล 558 ท่าน โดยชื่อของผู้ที่เสียชีวิตในสนามรบจะถูกขีดเส้นใต้เอาไว้ นอกจากจะเป็นอนุสรณ์ถึงนายทหารที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ผนังด้านในใต้ส่วนโค้งมีการตกแต่งด้วยรูปสลักอันสวยงามต่างๆซึ่งล้วนเป็นศิลปะที่มีชื่อเสียง เช่น ผลงานชื่อ เดอปาร์ต เดส์ โวล็องติเอส (Depart des Volontiers) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ลา มาร์แซย์แยส (La Marseillaise) และผลงานเกี่ยวกับชัยชนะจากสมรภูมิทางทิศตะวันตกของพระเจ้านโปเลียน
ที่ตอนบนของส่วนโค้งเป็นภาพนูนต่ำ แสดงถึงพิธีศพของ มาร์โซ (Marceau) สงคราม อาเล็กซานเดรีย (Alexandrie) ออสเตร์ลิทซ์ (Austerlitz) นอกจากนี้บริเวณภายใต้โค้งแห่งนี้ ยังใช้เป็นที่ฝังศพของทหารนิรนามในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 (Le tombeau du Soldat Inconnu) ระหว่าง ค.ศ 1914-1918 ซึ่งยอมสละชีวิตเพื่อประเทศฝรั่งเศส
ปัจจุบันประตูชัยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีส นอกเหนือจากหอไอเฟล นักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลก หลั่งไหลไปชื่นชมศิลปะที่ สวยงามและความงามของริเวณจตุรัสแห่งดวงดาว (Place de l'Etoile) พร้อมเดินล่องไปตามถนนช็อง-เอลิเซ่ส์ที่หรูหรา และเป็นแหล่งแฟชั่นชั้นนำของโลก

แหล่งท่องเที่ยว ในประเทศ ฮ่องกง

 ภูมิศาตร์ และ ภูมิอากาศ

        ฮ่องกงมีพื้นที่รวม 1,096.63 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย เกาะฮ่องกง (80.30 ตร.กม.) เกาลูน (46.71 ตร.กม.) เขตดินแดนใหม่ (New Territories) และเกาะอื่น ๆ (969.62 ตร.กม.) หรือขนาดประมาณ 1 ใน 6 ของพื้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเกาะฮ่องกง เกาลูนและเขตดินแดนใหม่ จะเป็นแนวเขาทอดตัวยาวจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือลงสู่ทิศใต้ เป็นแนวเขาที่ต่อเนื่องมาจากมณฑลฝูเจี้ยนและกว่างตงที่อยู่ทางตอนใต้ของจีน แต่เนื่องจากเขตเทือกเขาแต่ครั้งโบราณนั้น ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ จึงเกิดเป็นทัศนียภาพเกาะแก่งเล็ก ๆ ที่มีลักษณะลาดชันผุดโพล่ขึ้นมากมาย

         ฤดูร้อนอากาศร้อนชื้น มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 26-30 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวอากาศเย็นสบายและแห้ง น้อยครั้งที่จะมีอุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนฝนตกชุกและมีลมแรง ฤดูร้อนมักเกิดลมมรสุม ควรติดต่อสอบถามสภาพอากาศก่อนการเดินทาง



การแลกเปลี่ยนสกุลเงินฮ่องกง

      การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในฮ่องกงสามารถทำได้โดยเสรี เงินดอลลาร์ฮ่องกง (Hong Kong Dollar) เป็นสกุลเงินที่สามารถแลกเปลี่ยนกับเงินตราต่างประเทศได้ อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันทางการฮ่องกงได้กำหนดให้เงินดอลลาร์ฮ่องกงมีอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (Fixed Rate) กับเงินดอลลาร์สหรัฐ (แต่เพิ่มสูง/ต่ำกว่าอัตราที่กำหนดได้เล็กน้อย) อัตราแลกเปลี่ยนในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2545 คือ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกง (อัตราซื้อขายโดยเฉลี่ย) ธนบัตรของฮ่องกง พิมพ์โดย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ และ ธนาคารเอชเอสบีซี

ตัวย่อสกุลเงินฮ่องกง : HKD 

อัตราแลเปลี่ยน : ~ 4-5 บาท / HKD


แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ



วิคตอเรีย พีค Vitoria Peak Hongkong วิคตอเรีย พีค

   หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของฮ่องกง เดอะ พีค เป็นจุดชมวิวเมืองที่ยอดเยี่ยมที่สุด คุณจะต้องทึ่งกับสีสันที่สวยงามของเส้นขอบฟ้า อ่าววิคตอเรียที่มีชื่อเสียงระดับโลก และตึกระฟ้าที่พุ่งทะยานขึ้นสูงตัดกับแนวเขาเขียวขจีอันแสนสงบ ยอดเขาแห่งนี้สร้างความประทับใจที่แตกต่างกันระหว่างช่วงเวลากลางวันและกลางคืน






 กระเช้านองปิง 360 (Nong Ping 360)
 กระเช้านองปิง 360  (Nong Ping 360)

         กระเช้านองปิง 360 แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ของอ่องกง เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2005 เป็นเคเบิ้ลคาร์ที่มีระยะทางยาวมากกว่า 5.7 กิโลเมตร ยาวที่สุดในเอเซีย เริ่มต้นเส้นทางจากสถานีตงช้ง บนเกาะหล่านเทา ข้ามอ่าวตงช้ง ไปสิ้นสุดที่หมู่บ้านนองปิง และตัวกระเช้ายังมีลักษณะพิเศษคือเส้นทางกระเช้าที่มีจุดหักเลี้ยวในมุม 60 องศา ซึ่งยังไม่เคยมีกระเช้าชนิดใดในภูมิภาคเอเซียที่ทำได้ขนาดนี้ บนตัวกระเช้า จะมีกระจกอะคริลิคแข็งแกร่งรอบด้าน สามารถมองวิวทิวทัศน์ได้ทั่วถึงทั้ง 360 องศา บนกระเช้าแห่งนี้ท่านจะได้ชมทิวทัศน์ในมุมสูงทั้งหมดของสนามบิน Check Lap Kok อีกด้วย และที่ปลายทางของสถานีเคเบิ้ลคาร์นี้ เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านนองปิง แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งหนึ่งของฮ่องกง ที่หมู่บ้านนี้จะมีร้านขายของที่ระลึก, ร้านอาหารฟาสต์ ฟู๊ด, ร้านสะดวกซื้อ และโรงภาพยนตร์ 3 มิติ Monkey's Tale Theatre และไฮไลท์ที่สุดปลายทางกระเช้าแห่งนี้คือ พระใหญ่เทียนถาน แห่งวัดโปหลิน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในท่าประทับนั่ง น้ำหนักมากกว่า 220 ตัน ไปนมัสการ ขอพรพระใหญ่แห่งวัดโป่หลินแล้ว ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข และประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน 


ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland)ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland)

         ค้นหาดินแดนแห่งเทพนิยาย กับความตื่นตาตรึงใจไปกับ ความมหัศจรรย์ 4 รูปแบบ - โลกแฟนตาซี (Fantasy land), ผจญภัยแดนอันตราย (Adventure land), ท่องอวกาศสู่โลกอนาคต (Tomorrow Land) และ Main Street, USA ซึ่งในแต่ละส่วนจะได้พบกับตัวละครชื่อดัง ขวัญใจเด็กๆ ของดิสนีย์ พร้อมการแสดงอันตื่นตาจากโชว์ต่างๆ และขบวน พาเหรดอันเลื่องชื่อ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) จึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสุดแสนเหมาะสมของครอบครัว เพื่อน คู่รัก หรือทุกคนที่ยังต้องการเติมความฝันให้กับชีวิต
 




อะเวนิว ออฟ สตาร์ (Avenue os Start)

อะเวนิว ออฟ สตาร์  (avenue of start)

       สถานที่รำลึกถึงอัจฉริยบุคคลที่มีคุณูปการต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว มีลายพิมพ์มือดารา แผ่นหินจารึกชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงและประวัติศาสตร์ที่สำคัญของวงการภาพยนตร์ รวมไปถึงร้านจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องต่างๆ รูปปั้นจำลองรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกง และประติมากรรมขนาดเท่าคนจริงของบรูซ ลี ดาราหนังกังฟูผู้เป็นตำนาน




1881Heritage

1881 Heritage

     สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่มีความน่าสนใจ เพราะเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมอันสวยงามที่หลงเหลืออยู่ในอดีตเคยเป็นสำนักงานใหญ่ของตำรวจน้ำของฮ่องกง ตัวอาคารสร้างด้วยหินแกรนิตสไตล์วิคตอเรียนอันงดงาม ภายในจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับสถานตำรวจน้ำที่หาชมได้ยาก






Repulse Bay
อ่าวรีพัสเบย์  (Repulse Bay)

     อ่าวรีพัสเบย์  (Repulse Bay) หรือ หาดทรายรูปจันทร์เสี้ยวนี่เป็นหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่ชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยว และยังใช้เป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์ไปหลายเรื่อง รีพัลส์ เบย์ มีรูปปั้นขนาดใหญ่ของเจ้าแม่กวนอิมและเจ้าแม่ทินโห่วซึ่งทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองชาวประมง โดดเด่นอยู่ท่ามกลางสวนสวยที่ทอดยาวลงสู่ชายหาด ซึ่งหากได้ข้ามสะพานนี้เชื่อกันว่าข้ามครั้งหนึ่งแล้วจะอายุยืนขี้นอีก 3 ปี






วัดเเชกงหมิววัดแชกงหมิว

       วัดแชกงหมิว หรือ วัดกังหันลม  ถูกกล่าวขานให้เป็นปลายทางของ การแก้ชง ตามความเชื่อที่ว่า การหมุนกังหันกลับทิศ จะช่วยหมุนชีวิตพลิกผันจากร้ายกลายเป็นดีได้ และการเริ่มต้นปีใหม่ หลังวันตรุษจีน จะต้องมีการแก้เคล็ดที่นี่ โดย กังหันลม จะพาชีวิตราบรื่นล้อลมและธุรกิจเงินทองวิ่งฉิว เหมือนกังหันลู่ลม




วัดเจ้าแม่กวนอิมวัดเจ้าแม่กวนอิม (Guan Yin)
  
        นมัสการและขอพรอันศักดิ์สิทธิ์ จาก “องค์เจ้าแม่กวนอิม”และ เจ้าแม่ทับทิม เพื่อเป็นสิริมงคล และนมัสการเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่มีชื่อเสียงว่าใครได้มาสัมผัสท่านจะได้รับแต่เงิน ทอง กลับบ้าน การสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมองค์ใหญ่ ให้ยืนในกระเบื้องสีแดงตำแหน่งด้านหน้าองค์ท่าน ซึ่งเชื่อว่าเป็นตำแหน่งที่จะเห็นองค์ท่านชัดที่สุด แล้วจึงตั้งจิตอธิษฐานจะสวดบทขอพรท่านก็ได้แล้วกล่าวชื่อ–สกุลของเราอธิษฐานนอกจากนี้ยังมีรูปปั้นปลาแห่งความมั่งคั่ง ซึ่งผู้คนที่มาที่นี่นิยมโยนเหรียญใส่ปากปลาโดยเชื่อว่าหากโยนเข้าปากปลา พรที่ขอไปจะสัมฤทธิผล




วัดหวังต้าเซียน
วัดหวังต้าเซียน

          วัดหวังต้าเซียนหรือหว่องไท่ซิน เป็นวัดเก่าแก่กว่าร้อยปีและได้รับความศรัทธามากที่สุดในฮ่องกง ผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้ตลอดเวลา เพื่อสักการะขอพรจากท่านมหาเทพ และเป็นวัดที่มีคนมากราบไหว้มากที่สุด เพราะที่ตั้งของวัดเป็นจุดที่ฮวงจุ้ยดีมาก และเป็นสถานที่เชื่อกันว่าคำอธิษฐานจะประสบผลสำเร็จวัดสีสันสดใสของลัทธิเต๋าแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาขอพร ตั้งแต่เรื่องความรักไปจนถึงฤกษ์มงคลสำหรับทำธุรกิจ





A Symphony of light
A Symphony of light

        ได้ชื่อว่าเป็นการแสดงแสงสีเสียงกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดซึ่งบันทึกโดย Guinness World Records การแสดงจะประกอบด้วย 44 อาคารชั้นนำที่อยู่ในฝั่งฮ่องกง  และฝั่งเกาลูน  ที่น่าอัศจรรยืเป็นอย่างยิ่ง และยังตื่นตาตื่นใจกับการแสดงจะมีการยิงแสง Laser และไฟต่าง ๆ ประกอบเพลง  บวกกับเวลาค่ำ ๆ ของฮ่องกง  แสงไฟที่กระทบจากน้ำในอ่าวที่มีเรือวิ่งผ่านไปมาเป็นฉากประกอบแบบธรรมชาติ






โอเชี่ยน พาร์ค
โอเชี่ยนพาร์ค

       รับประกันได้ถึงความประทับใจ ที่นี่มีระบบทางเลื่อนกลางแจ้งที่ใหญ่เป็นที่สองของโลก และกระเช้าไฟฟ้าเชื่อมไปยังเฮดแลนด์ที่ให้คุณชมวิวแบบพาโนรามา ของเกาะฮ่องกง นอกจากนี้แล้วยังได้สัมผัสความน่ารักของหมีแพนด้ายักษ์อันอันและเจียเจีย แปซิฟิกเพียร์ โลกไดโนเสาร์-ปัจจุบันและอดีต อะเมซิ่งอะเมซอน และพิพิธภัณฑ์ปะการังที่ใหญ่ที่สุดของโลก พิพิธภัณฑ์ปลาฉลามที่มีอุโมงค์ชมวิวใต้น้ำที่ยาวถึง 11.5 เมตร และการแสดงโลมาและสิงโตทะเลที่โอเชี่ยนเธียเตอร์  และผู้ที่ชอบความตื่นเต้นกับไม่ควรพลาดดราก้อนโรลเลอร์โคสเตอร์ อะบีสเทอร์โบดร็อป และไมน์เทรนโรลเลอร์โคสเตอร์ เพลิดเพลินไปกับพันธุ์ไม้สวยงาม นานาชนิดในกรงนกขนาดยักษ์และบ้านผีเสื้อ ปล่อยให้เด็กๆ ได้สนุกกันเต็มที่ที่คิดส์เวิลด์ ซึ่งมีทั้งเกม การแสดง และเครื่องเล่นมากมายที่จะทำให้เด็กๆสนุกได้เป็นชั่วโมง

แหล่งท่องเที่ยว ในประเทศ อินโดนีเซีย

 ภูมิศาตร์

        ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ประกอบด้วยหมู่เกาะต่าง ๆ มีเกาะใหญ่น้อยเกือบ 18,000 เกาะ มีภูเขาสูงอยู่ตามเกาะต่าง ๆ โดยทั่วไปเทือกเขาที่มีความสูงมาก ตามบริเวณเขามักมีภูเขาไฟและมีที่ราบรอบเทือกเขาชายเกาะมีความสูงใกล้เคียงกับระดับน้ำทะเลทำให้มีที่ราบบางแห่งเต็มไปด้วยหนอง บึง ใช้ประโยชน์ไม่ได้


ภูมิอากาศ

          ลักษณะอากาศแบบศูนย์สูตรมีฝนตกชุกตลอดปี แต่อุณหภูมิไม่สูงมากนัก (ประมาณ 24-30 องสาเซลเซียส) เพราะพื้นที่เป็นเกาะจึงได้รับอิทธิพลจากทะเลอย่างเต็ม



แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ




เกาะบาหลี

      บาหลีเป็นเกาะเกาะหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย ที่มีความสวยงามด้วยธรรมชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับวัฒนธรรมที่ไม่ เหมือนใคร ซึ่งได้สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานับพันปี มีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเป็นจำนวนมาก เช่น วัดและวัง ซึ่งมีความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ชายหาดที่สวยงามและขาวสะอาด รวมทั้งผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และการดำเนินชีวิตของคนบาหลีด้วยวิธีการกสิกรรมแบบดั้งเดิม บาหลีกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทั่วโลกรู้จัก









ภูเขาไฟคินตามานี

         ภูเขาไฟคินตามานี เป็นภูเขาไฟที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 บนเกาะบาหลี ในอดีตที่ผ่านมา ภูเขาไฟคินตามานีเคยเกิดการระเบิด ได้พ่นลาวาทำความเสียหายนับพันชีวิต และทรัพย์สินให้แก่ชาวบาหลีไปไม่น้อย ปัจจุบันภูเขาไฟคินตามานี กลับเป็นจุดดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวอย่างมาก
ภูเขาไฟคินตามานแห่งนี้ ตามภาษาราชการเรียกว่า Mount Batur มีความสูง 1,171 เมตร อยู่ติดกับทะเลสาป มีชื่อว่า Batur เหมือนกันกับชื่อภูเขาไฟ มีพื้นที่ประมาณ 16.07 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นทะเลสาป ที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะแห่งนี้
คินตามานีเพี้ยนมาจาก ชื่อของหญิงชาวจีนที่ชื่อ คังฉีหมิง ที่แต่งงานกับเจ้าชายบาหลี เพื่อเป็นการระลึกถึงเธอ ชื่อเธอจึงถูกตั้งเป็นชื่อภูเขา ปัจจุบันนี้ยังสามารถมองเห็นเถ้าสีดำที่เหลืออยู่ ซึ่งแสดงถึง ร่องรอยการระเบิด ในอดีตทะเลสาป Batur เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญต่อการเกษตร และแหล่งเลี้ยงปลาน้ำจืด







วังสุลต่าน
  
      วังสุลต่าน พระราชวังอันสวยสดงดงามของกษัตริย์ องค์แรกจนกระทั่งองค์ปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยสิ่งของล้ำค่า และเครื่องใช้ต่างๆ ของกษัตริย์ ก่อนที่กษัตริย์องค์สุดท้ายจะลี้ภัย และเปลี่ยนการปกครอง อีกทั้งวังเมกะลังและเครื่องบรรณาการต่างๆ ห้องเก็บโบราณวัตถุ สิ่งล้ำค่าสมัยก่อนประวัติต่างๆ ที่มีความเป็นมาน่าศึกษา และมีค่าของอารยะธรรมชวา








ภูเขาไฟโบรโม (Gunung Bromo)

        ภูเขาไฟโบรโมเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิท หนึ่งในภูเขาไฟหลายๆ ลูกของเทือกเขา Tengger ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Bromo-Tengger-Semeru เมืองสุราบายา มีความสูงถึง 2,329 เมตร แต่ก็ยังไม่ใช่จุดที่สูงที่สุดของเทือกเขาแห่งนี้

        ภูเขาไฟโบรโมเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว ที่มาดื่มด่ำบรรยากาศ และความงามของภูเขาไฟโบรโม ซึ่งสามารถเข้าไปถึงปากปล่องภูเขาไฟโบรโมได้ง่ายที่สุดกว่าภูเขาไฟลูกใกล้เคียงอื่นๆ เนื่องจากเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ จึงมีควันครุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้ภูเขาไฟโบรโมได้รับสมยานามว่า "ลมหายใจเทพเจ้า"

กลุ่มควันจากภูเขาไฟโบรโมที่ล่องลอยจากปล่องด้านบนที่เป็นแอ่งกว้างคล้ายหลุม ทำให้ตัวภูเขาไฟโบรโมที่มีสัณฐานป้านเตี้ยดูคลุมเครือ กลายเป็นภาพประกอบด้านหลังให้กับภูเขาไฟบาตอก (Mount Batok) ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า รูปทรงของภูเขาไฟบาตอกสมมาตร พูนสูงขึ้น มีรอยจีบย่นรอบ ๆ อันเกิดจากลาวาที่ไหลออกมายามปะทุระเบิด ทำให้แปลกตากว่าภูเขาทั่วไป ภูเขาไฟโบรโมมีสีเขียวอ่อนที่เกิดจากพันธุ์ไม้ที่ขึ้นปกคลุม ทำให้ภูเขาไฟบาตอกดูมีชีวิตชีวา อ่อนเยาว์ ท่ามกลางความหม่นเทาของผืนทรายและกลุ่มควัน ด้านหน้าบริเวณตีนภูเขาไฟโบรโม วัดฮินดูสีเข้มตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว… ขับเน้นให้ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคล้ายดินแดนแห่งเทพเจ้า…

แหล่งท่องเที่ยว ในประเทศ กัมพูชา

 ภูมิประเทศ

ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ประกอบด้วยที่ราบรอบทะเลสาบเขมร และที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
   มีทิวเขาล้อมรอบทางเหนือ คือ เทือกเขาพนมดงรักเทือกเขาบรรทัดเทือกเขาอันนัม
กัมพูชา มีลักษณะภูมิประเทศคล้ายชามหรืออ่าง คือ ตรงกลางเป็นแอ่งทะเลสาบและลุ่มแม่น้ำโขงอันกว้างขวาง มีภูเขาล้อมรอบอยู่ 3 ด้าน ได้แก่
ด้านตะวันออกมีแนวเทือกเขาอันนัมที่เป็นพรมแดนกับประเทศเวียดนาม

ด้านเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือมีแนวเทือกเขาพนมดงรักที่เป็นพรมแดนกับประเทศไทย

ด้านใต้และตะวันตกใต้มีแนวเทือกเขาบรรทัดที่เป็นแนวพรมแดนกับประเทศไทย

เฉพาะด้านตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง



ภูมิอากาศ


โดยทั่วไปคล้ายๆ กับสภาพอากาศในเมืองไทย แต่จะแห้งและร้อนกว่านิดหน่อย อุณหภูมิประมาณ 24-35 C ฤดูฝนจะอยู่ในช่วง พฤษภาคม-ตุลาคม และช่วงหน้าแล้ง หรือหน้าหนาวประมาณ พฤษจิกายน-เมษายน



ระบบเงินตรา


แนะนำว่าควรใช้ USD หรือเงิน Riel ซึ่งเป็นสกุลเงินของกัมพูชา สามารถแลกได้ที่ ธนาคารหรือตามตลาดใหญ่ๆ ธนาคารจะปิดทำการวันเสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดราชการ



แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ



 ปราสาทตาพรหม

      สร้างในปี พ.ศ.1729 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศถวายแด่พระราชมารดาเป็นวัดในพุทธศาสนา ซึ่งปราสาทตาพรหม เป็นปราสาทที่สวยงามและมีมนต์ขลังมาก






ปราสาทบายน

   ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอังกอร์ธมหรือนครธม ถือว่าเป็นสุดยอดของปราสาทเขมร





ปราสาทนครวัด

      ที่เปรียบเสมือนวิมานของเทพเจ้าสูงสุด ซึ่งสร้างขี้นเมื่อประมาณ พ.ศ.1650-1720 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ชมรูปสลักนางอัปสรนับหมื่นองค์ ชมภาพแกะสลักนูนต่ำ การกวนเกษียรสมุทร ซึ่งเป็นพิธีกรรมโบราณอันศักดิ์สิทธิ์







ปราสาทบาปวน

   ซึ่งเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ในส่วนของพระราชวัง

แหล่งท่องเที่ยว ในประเทศ เวียดนาม

ภูมิประเทศ


  • มีที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ 2 ตอน คือ ตอนเหนือ เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำแดง และตอนใต้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง

  • มีที่ราบสูงตอนเหนือของประเทศ และยังเป็นภูมิภาคที่มี เขาฟาน ซี ปัง (Phan Xi Păng) ซึ่งเป็นภูเขาที่สูง 3,143 เมตร (10,312 ft) ตั้งอยู่ในจังหวัดเล่าไค เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน



  • ภูมิอากาศ


  • เป็นแบบมรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านทะเลจีนใต้ ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง (ฝนตกตลอดปี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)

  • เป็นประเทศที่มีความชื้นประมาณ 84 % ตลอดปี มีปริมาณฝน จาก 120 ถึง 300 เซนติเมตร (47 ถึง 118 นิ้ว) และมีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 5°C (41°F) ถึง 37°C (99°F)



  • เงินตราประเทศเวียดนาม

    ด่อง (อังกฤษ:Dong,เวียดนาม đồng) คือหน่วยเงินของเวียดนามที่ใช้ในประเทศเวียดนาม อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 400-500 ด่องต่อบาท หรือ ประมาณ 16,000 ด่องต่อดอลลาร์สหรัฐ

    รูปแบบที่ใช้ มีทั้งเหรียญและ ธนนบัตร ของเวียดนามโดยมีราคาดังนี้

    • เหรียญ มีราคา 200 ด่อง 500 ด่อง 1,000 ด่อง 2,000 ด่อง และ 5,000 ด่อง
    • ธนบัตร มีราคา 1,000 ด่อง 2,000 ด่อง 5,000 ด่อง 10,000 ด่อง 20,000 ด่อง 50,000 ด่อง 100,000 ด่อง 200,000 ด่อง และ 500,000 ด่อง
    แม้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต้องใช้เงินด่อง แต่ สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป โรงแรมเวียดนาม ร้านอาหารเวียดนาม ร้านขายของที่ระลึก ก็ยังคงรับเงิน ยูเอส เราสามารถแลกเปลียนเงินได้ที่ สนามบินเวียดนาม หรือ ธนาคาร โรงแรม และ ร้านที่ได้รับอนุญาติมให้แลกเงิน ร้านเหล่านี้จะเขียนอักษรสีทอง ว่า "Hieu Vang" หรือ "Hieu Kim Hoan"



     แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ




     
    ฮาลอง

       ฮาลอง

            มีเกาะหินปูน จำนวน 1,969 เกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น หลายเกาะมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ภายใน












     หุ่นกระบอกน้ำ

      หุ่นกระบอกน้ำ

        เป็นการแสดงหุ่นกระบอกของเวียดนาม มีการแสดงเฉพาะที่ฮานอย ในโรงละครริมทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม บนถนนดิงห์เตียมฮว่าง


















     พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์   

    พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ 

          นครโฮจิมินห์ เมืองหลวงของเวียดนามใต้ เมื่อเวียดนามเหนือยึดได้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น โฮจิมินห์ซิตี ตามชื่อผู้นำเวียดมินห์ คือ โฮจิมินห์

    แหล่งท่องเที่ยว ในประเทศ เนปาล

    ภูมิประเทศ ภูมิประเทศและภูมิอากาศ

    ประเทศเนปาลแบ่งออกเป็น 3 เขตภูมิภาค ได้แก่
    1.เขตเทือกเขาหิมาลัย (Himalayan Region) ประกอบไปด้วย 8 ยอดเขาของโลก (จากทั้งหมด 14 ยอดเขา) ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลเกิน 8,000 เมตร เช่น ยอดเขาเอเวอเรสต์ซึ่งมีความสูง 8,848 เมตร
    2.เขตภูเขา (Mountain Region) มีพื้นที่ถึง 55 % จากพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ เขตนี้ถูกแบ่งโดยเทือกเขามหาภารตะ (Mahabharat) ซึ่งมีความสูงถึง 4,871 เมตร และในด้านใต้มีเทือกเขาชุเรีย (Churia) ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 610-1,524 เมตร
    3.เขตเตไร (Terai Region) เป็นเขต ที่ราบต่ำซึ่งมีความกว้างประมาณ 26-32 กิโลเมตร



    • สภาพอากาศในประเทศเนปาลแตกต่างไปตามลักษณะภูมิประเทศ ตั้งแต่ลักษณะภูมิอากาศเขตร้อนไปถึงแบบอาร์ติก ซึ่งขึ้นอยู่กับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล
    ประเทศเนปาลมี 4 ฤดู ได้แก่1.ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) มีอากาศที่อบอุ่น แต่ก็อาจจะมีฝนตกประปราย อุณหภูมิสูงสุด 30 องศาเซลเซียส ต่ำสุด 7 องศาเซลเซียส
    2.ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) มีอากาศที่อบอุ่นถึงร้อนแต่ก็มีพายุฝน ตามเทือกเขาจะเขียวชอุ่ม อุณหภูมิสูงสุด 29 องศาเซลเซียส ต่ำสุด 19 องศาเซลเซียส
    3.ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) มีอากาศอบอุ่นและเย็นบางเวลา ท้องฟ้าแจ่มใสเหมาะกับการเดินเขาเป็นอย่างยิ่ง อุณหภูมิสูงสุด 28 องศาเซลเซียส ต่ำสุด 7 องศาเซลเซียส
    4.ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) มีอากาศเย็นจัดตลอดกลางคืนและรุ่งเช้า และมีหมอกหนา ยกเว้นในช่วงที่มีแสงจากดวงอาทิตย์อากาศจะอบอุ่น อุณหภูมิสูงสุด 19 องศาเซลเซียส ต่ำสุด 2 องศาเซลเซียส



    แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ



    วัดพุทธนาท
     วัดพุทธนาท (Boudhanath)
    เป็นวัดทางพุทธศาสนาสร้างตามศิลปแบบธิเบต เป็นวัดที่มีสถูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนปาล ท่านสามารถเดินขึ้นไปที่ด้านบนได้เพื่อชมวิวโดยรอบ ในระหว่างที่เดินรอบท่านจะเห็นผู้คนชาวธิเบตคอยหมุนระฆังที่ประดับอยู่โดยรอบ และจะพร่ำมนตร์ไปตลอด ซึ่งนับว่าเป็นการปฏิบัติสมาธิ และบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในรูปแบบของชาวพุทธธิเบต วัดลามะแบบธิเบตนั้นจะอยู่ที่บริเวณนี้เช่นกัน  



     วัดบาราฮีวัดบาราฮี
    ซึ่งสร้างถวายพระวิษณุ ในปางที่พระองค์อวตาน เป็นหมูป่า เพื่อมาช่วยเหลือชาวโลก ผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองโภคราจะมานมัสการทุกเช้าเพื่อขอพร   อิสระให้ท่านจะได้เดินเล่นบนถนนเลียบทะเลสาบที่เป็นย่านร้านค้าขายของที่ระลึกมากมาย 




    เจดีย์สวยมภูนารท (วัดลิง) (Swayambhunath)เจดีย์สวยมภูนารท (วัดลิง) (Swayambhunath)
    เจดีย์ทางพุทธศาสนาอันเลื่องชื่อของเนปาล นับเป็นเจดีย์องค์หนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่องค์เจดีย์จะมีรูปคิ้วและดวงตาอยู่โดยรอบทั้ง 4 ด้าน ซึ่งหมายถึงดวงพระเนตรเห็นธรรมแห่งพระพุทธองค์ เพ่งมองออกไปทั้ง 4 ทิศ โดยความจริงแล้วเจดีย์แห่งนี้ เป็นเจดีย์องค์แรกแห่งการสร้างเมืองเนปาลเลยก็ว่าได้ เริ่มจากการที่พระมัญชุศรีจากทางจีนมหายานได้มาสร้างองค์สถูปครอบดวงไฟดวงนี้ไว้ ดวงไฟนี้เป็นดวงไฟที่เกิดขึ้นเอง เป็นสัญลักษณ์แทนพระอาทิพุทธตามคติวัชระยาน ด้วยเหตุนี้สวยมภู จึงหมายถึงผู้ที่เกิดขึ้นเอง

    แหล่งท่องเที่ยว ในประเทศ ฟิลิปปินส์

    ภูมิประเทศ

        เป็นหมู่เกาะของเทือกเขาหินใหม่ พื้นที่ทุกเกาะมีภูเขาเป็นแกนกลาง มีที่ราบอยู่น้อย เป็นที่ราบแคบ ๆ ที่ราบสำคัญ คือ ที่ราบตอนกลางของเกาะลูซอน เรียกว่า ที่ราบมะนิลา เป็นที่ราบที่ใหญ่ที่สุด

    ภูมิอากาศ


           มรสุมเขตร้อน ได้รับความชุ่มชื้นจากลมมรสุมทั้ง 2 ฤดูได้รับฝนจากลมพายุไต้ฝุ่น และดีเปรสชั่น บริเวณที่ฝนตกมากที่สุด คือ เมืองบาเกียว เป็นเมืองที่ฝนตกมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



    แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ








    ปุนตา เฟโก้

    แหล่งท่องเที่ยว ในประเทศ ภูฎาน

    ภูมิศาสตร์

       ประกอบด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีพื้นที่ราบและทุ่งหญ้าระหว่างหุบเขาพื้นที่ต่ำสุดสูงกว่าระดับน้ำทะเล 970 ฟุต พื้นที่สูงสุดอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 17,553 ฟุต 


    ภูมิอากาศ 

         สภาพภูมิอากาศแตกต่างกันไปตามแต่ละภาคและระดับความสูง ในพื้นที่  ตอนบนด้านติดกับเทือกเขาหิมาลัยอากาศจะหนาวเย็นตลอดปี ตอนกลางของประเทศอากาศหนาวจัดในฤดูหนาว(ตุลาคม-มีนาคม) และค่อนข้าง
    ร้อนในฤดูร้อน(เมษายน-กันยายน) ส่วนทางตอนล่างของประเทศซึ่งเป็นที่ ราบอากาศจะร้อนชื้น


    สกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยน 

      งุลตรัม (Ngultrum) 48.336 NU: USD 1


    เล่าสู่กันฟัง

            ภูฏาน ประเทศเล็กๆ เพื่อนบ้านของทิเบตแห่งนี้ เพิ่งเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2517 ปัจจุบันเก็บภาษีท่องเที่ยวถึง 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อวัน และใช้โควตาจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่อปี ด้วยเหตุผลที่ว่าการไหลบ่าของนักท่องเที่ยวจะทำลายสภาพแวดล้อมของประเทศ ตามเกณฑ์สากลที่ใช้วัดระดับ “ความเจริญ” ภูฏานเป็นหนึ่งใน 40 ประเทศยากจนที่สุดในโลก ทั้งประเทศมีทางหลวงเพียงหนึ่งเส้น ว่ากันว่ารถที่วิ่งในภูฏานนั้นต้องหักเลี้ยวทุกๆ 6 วินาที ในบรรดาประเทศแถบเทือกเขาหิมาลัยทั้งหมด ภูฏานเป็นประเทศเดียวที่ยังรักษาอธิปไตยของตัวเองเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นและเด็ดเดี่ยว ดังนั้น ใครที่อยากสัมผัสวัฒนธรรม และความเป็นอยู่แถบหิมาลัยของแท้ดั้งเดิม ภูฏานเป็นจุดหมายเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
           นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนภูฏานเพื่อแสวงหาธรรมชาติบริสุทธิ์หรือพิชิตยอดหิมาลัย ย่อมต้องสังเกตเห็นอิทธิพลของศาสนาและวัฒนธรรม ที่แยกไม่ออกจากวิถีชีวิตชาวภูฏาน เพราะธรรมชาตินั้นอยู่ท่ามกลาง และแวดล้อมหมู่บ้าน วัดวาอาราม ธงภาวนา และกงล้อภาวนาจำนวนนับไม่ถ้วน เช่นกัน นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมอันแปลกตาและแปร่งหูที่มีพุทธวัชรยานเป็นองค์ประกอบสำคัญ ย่อมต้องสังเกตเห็นธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ และวิถีชีวิตของชาวบ้าน ระหว่างทางไปวัดต่างๆ ซึ่งบางวัดอยู่บนยอดเขาที่ต้องใช้เวลาและความอุตสาหะมากกว่าเส้นทางปีนเขาบางเส้น คนภูฏานที่เห็นส่วนใหญ่มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่เคยเจอเด็กภูฏานคนไหนที่โบกมือให้แล้วไม่โบกตอบ พร้อมแถมรอยยิ้มไล่หลังรถให้เราถ่ายรูปมือเป็นระวิงทุกครั้ง
              ภูฏานไม่ได้เป็นสมบัติของชาวภูฏานเท่านั้น แต่เป็นสมบัติของคนทั้งโลก เพราะภูฏานอาจเป็นอารยธรรมแห่งสุดท้าย ที่ทำให้คำขวัญของขบวนการต่อต้านความไม่เป็นธรรมของวิธีการที่ประเทศมหาอำนาจใช้รณรงค์โลกาภิวัตน์ ดูไม่ไกลเกินเอื้อม


     แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ




    วัดคิชู (Kyichu  Lhakhang) 
           วัดคิชูเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในภูฏาน มีตำนานเล่าว่ามีการสร้างวัดขึ้นพร้อมกัน 108 วัด เพื่อสะกดจุดนางมารร้ายเอาไว้ ซึ่งวัดคิชูตั้งอยู่บริเวณข้อเท้าซ้ายของนางมาร



    Memorial Chorten 

             Memorial Chorten หรือมหาสถูปที่พระเจ้า จิกมี ดอร์จี วังชุก ซึ่งเป็นพระ ชนก ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน (พระเจ้า จิกมี ซิงเย วังชุก) พระองค์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 3 ที่ปกครองพูตาน ในช่วงปี ค.ศ. 1952 - 1972 และทรงได้รับพระฉายาว่า “พระบิดา แห่งพูตานยุคใหม่” (King of Merdernization)
    มีประสงค์จะสร้างเพื่อเป็นการถวายเป็น พุทธบูชา แทนสัญลักษณ์ กาย วาจา และใจ ของพุทธศาสนา แต่ท่านได้เสียชีวิตลง เสียก่อน สมเด็จพระราชินีจึงได้ดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จ





    ดรุกเยลซอง (Drukgyel Dzong) 
               ซึ่งตั้งอยู่ตรงจุดที่ควบคุมเส้นทางสู่ทิเบต ซองนี้สร้างขึ้นในปี 1644 เพื่อเป็นที่ระลึกในชัยชนะเหนือทิเบต     ท่านจะได้ชมเส้นทางลับที่จะหลบหนีออกจากซอง เมื่อชาวทิเบตบุกเข้ามาล้อมซองไว้ และเส้นทางที่ทหารลงไปเอาน้ำมาใช้ในซอง  นอกจากนั้นจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาที่เป็นช่องทางผ่านเข้าไปสู่ทิเบตอีกด้วย

    แหล่งท่องเที่ยว ในประเทศ มาเก๊า

       
     “มาเก๊า” มีที่มาจาก “อาม่า” องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเลผู้ศักดิ์สิทธิ์ …….ตามตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า “อาม่า” มีพระนามเดิมว่า “หลิงม่า” หญิงสาวชาวฟูเจี้ยนที่วันหนึ่งเธอต้องการข้ามฝั่งมายังคาบสมุทรดอกลิลลี่ขาว หรือ “เอ้าเหมิน” ตามชื่อในภาษาจีน จึงขอโดยสารมากับเรือของชาวประมงชราคนหนึ่งซึ่งเป็นเพียงเรือลำเล็กๆ ที่ยอมให้หลิงม่า โดยสารมาด้วย ในระหว่างที่เรือล่องอยู่กลางทะเล เกิดมีพายุขึ้นอย่างรุนแรงทำให้เรือหลายลำต้องอับปาง แต่ด้วยปาฏิหาริย์ในคำสั่งฟ้าของหลิงม่าทำให้เรือที่เธอโดยสารมา เข้าถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย ทันทีที่หลิงม่า ก้าวเท้าขึ้นสู่ฝั่ง เธอก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าและหายลับไป ชาวประมงทั้งหลายต่างเชื่อกันว่าเธอ คือ องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล นับตั้งแต่นั้นดินแดนแห่งนี้ก็ได้รับการขนานนามว่า “อ่าวของ อาม่า” หรือ “อา-หม่า-เกา” ที่เพี้ยนเสียงมาเป็น “มาเก๊า” ในปัจจุบัน


    ที่ตั้งและอาณาเขต


           มาเก๊าตั้งอยู่ในเขตมณฑลกวางตุ้ง บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของสามเหลี่ยม ปากแม่น้ำเพิร์ล ทิศเหนือติดกับเมือง จูไห่ของมณฑลกวางตุ้ง มาเก๊าประกอบด้วยดินแดน 4 ส่วน คือ คาบสมุทรมาเก๊า, เกาะไทปา, เกาะโคโลอาน และพื้นที่ถมทะเลขึ้นมาใหม่ เรียกว่า โคไท ซึ่งจะเชื่อมต่อเกาะไทปาและเกาะโคโลอาน เข้าเป็นพื้นที่เดียวกัน ด้วยมาเก๊าเป็นประเทศเล็กๆ ที่มีพื้นที่เพียง 27.3 ตร.กม. (คาบสมุทรมาเก๊า 8.7 ตร.กม., ไทปา 6.3 ตร.กม., โคโลอาน 7.6 ตร.กม. และโคไท 4.7 ตร.กม.) ระหว่างมาเก๊าและไทปา เชื่อมถึงกันด้วย สะพาน 2 สะพาน คือ สะพานมาเก๊า-ไทปา ระยะทาง 2.5 ก.ม. และสะพานมิตรภาพ ระยะทาง 4.5 ก.ม. ซึ่งใช้เดินทางเข้าไปยังสนามบินมาเก๊าได้


    ภูมิอากาศ



         มาเก๊า มีภูมิอากาศค่อนข้างอบอุ่น โดยเฉลี่ยอยู่ราว 20 องศาเซลเซียส (68 ฟาเรนไฮด์) มีความชื้นสัมพัทธ์สูงเฉลี่ย 75%-90% โดยแบ่งเป็นฤดูกาลต่างๆ ได้ดังนี้

    1. ฤดูใบไม้ร่วง (ต.ค.-ธ.ค.) ถือเป็นช่วงที่อากาศดีที่สุด เหมาะแก่การท่องเที่ยว

    2. ฤดูหนาว (ม.ค.-มี.ค.) แม้ว่าจะมีอากาศค่อนข้างหนาว แต่ก็มีแสงแดด ให้พออบอุ่น เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปสัมผัสอากาศ

    3. ฤดูร้อนและฝน (เม.ย.-ก.ย.) ในช่วงนี้อากาศจะเริ่มร้อนอบอ้าว และมีความชื้น สัมพัทธ์สูงในบางช่วงจะมีฝนตกและมักเกิดพายใต้ฝุ่น ราวเดือน มิ.ย.-ส.ค.นกรณีที่เกิดพายุไต้ฝุ่นถึงระดับ8 สะพานเชื่อมไทปา, โคโลอาน จะถูกปิดลงชั่วคราว ขณะเดียวกันการเดินเรือ โดยสารและเที่ยวบินต่างๆ ระหว่าง ฮ่องกง-มาเก๊า จะถูกยกเลิกชั่วคราว จนกว่าจะปลอดภัย

    หน่วยเงินตรา

         มาเก๊ามีสกุลเงิน ที่เรียกว่า “ปาตากาส์” หรือ MOP$ มีหน่วยสตางค์เรียกว่า อาโวส (Avos) สกุลเงินปาตากาส์ มีค่าผูกพันกับสกุลดอลล่าร์ฮ่องกง โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 103.20 MOP$ = 100 HK$ เงินดอลล่าร์ฮ่องกง เป็นที่ใช้กันแพร่หลายในมาเก๊า โดยมักจะใช้แลกเปลี่ยนในอัตรา 1 ต่อ 1 คือ หากมูลค่าสินค้าเท่ากับ 5 MOP$ ก็สามารถชำระเป็น 5 HK$ ก็ได้




    แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ





    วัดอาม่า ( A-Ma Temple )

           วัดอาม่า คือวัดที่เก่าแก่ที่สุดและเก็บรักษาศิลปะวัตถุเก่าแก่ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลไว้มากมาย เป็นอาคารสถาปัตยกรรมที่คงอยู่มาได้ยาวนานที่สุดของมาเก๊า ในบริเวณวัดมีศาลาซุ้มประตู หอเมตตาธรรม ศาลเจ้าแม่กวนอิม และศาลพระพุทธ เปิดให้เข้าชม 07.00-18.00 น.






    สำนักแห่งความเมตตา ( Holy House of Mercy )
      
           เป็นโรงพยาบาลตามแบบตะวันตกแห่งแรกในประเทศจีน เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กและสถานเด็กกำพร้า ตึกที่เห็นในปัจจุบันออกแบบตามสไตล์นีโอคลาสสิคซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1905 ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ เปิดให้เข้าชม 10.00-13.00น. 14.00-17.30 น. ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ






    โบสถ์เซนต์ ดอมินิค ( St.Dominic's Church )

             เป็นโบสถ์ที่ได้ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ A Abelha da China เป็นภาษาโปรตุเกสแห่งแรกในจีน ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ.1822 ส่วนหอระฆังด้านหลังอาคารได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กแสดงงานศิลปะที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนามากถึง 300 ชิ้น เปิดให้เข้าชม 10.00-18.00 น







    ตึก ลีอัล เซนาโด (Leal Senado Building)

          เป็นที่รวบรวมหนังสือโบราณ รวมทั้งเอกสารสำคัญจากต่างประเทศตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ถึงทศวรรษ 1950 โดยเฉพาะเอกสารที่บันทึกบทบาทของโปรตุเกสในทวีปแอฟริกาและกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออก ห้องสมุดยังมีสำเนาของ "อา อาเบล่า ดะ ชีนา" ( A Abelha da China ) ภาษาโปรตุเกส ฉบับแรกในประเทศจีนด้วย เปิดให้เข้าชม 09.00-21.00 น. ปิดวันจันทร์

    แหล่งท่องเที่ยว ในประเทศ บรูไน


    ข้อมูลทั่วไป

    ชื่อทางการ เนการาบรูไนดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam แปลว่า ดินแดนแห่งความสงบสุข)

    ที่ตั้ง ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว

    พื้นที่ 5,765 ตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ร้อยละ 70 เป็นป่าไม้เขตร้อน

    ภูมิอากาศ อากาศโดยทั่วไปค่อนข้างร้อนชื้น มีปริมาณฝนตกค่อนข้างมาก
    และมีอุณหภูมิอบอุ่น โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส

    เวลา 8 ชม.ก่อน GMT (เร็วเวลาประเทศไทย 1 ชั่วโมง)

    รูปแบบการปกครอง สมบูรณาญาสิทธิราช โดยมี สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี
    ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์
    (His Majesty Paduka Seri Baginda Sultan Haji Hassanal
    Bolkiah Mu’izzaddin Waddaulah) ทรงเป็นองค์พระประมุขของ
    ประเทศตั้งแต่ 5 ตุลาคม 2510

    หัวหน้ารัฐบาล สมเด็จพระราชาธิบดีทรงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    รัฐมนตรีต่างประเทศ เจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ (H.R.H. Prince Mohamed Bolkiah)
    พระอนุชาในสมเด็จพระราชาธิบดี

    วันชาติ 23 กุมภาพันธ์

    ธงชาติ พื้นสีเหลือง มีแถบขาวและดำพาดขวางจากมุมบนด้านซ้าย ตลอดถึงมุมล่างด้านขวา
    มีเครื่องหมายประจำชาติสีแดงอยู่ตรงกลาง มีธงประจำชาติอยู่บนยอดเสาที่มีปีก 2 ข้าง
    ซึ่งตั้งอยู่เหนือพระจันทร์เสี้ยวที่หงายขึ้น และอยู่บนป้ายที่เขียนว่า Brunei Darussalam
    ซึ่งหมายความว่า ดินแดนแห่งความสงบสุข

    เมืองหลวง บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan)

    ภาษา ภาษามาเลย์ (Malay หรือ Bahasa Melayu)เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาจีน

    ศาสนา ศาสนาประจำชาติคือ ศาสนาอิสลาม แต่ก็มีการนับถือศาสนาอื่น ได้แก่ ศาสนาคริสต์ ศาสนาพุทธ และฮินดู

    เขตการปกครอง แบ่งเป็นสี่เขตคือ เขต Brunei-Muara เขต Belait เขต Temburong และเขต Tutong

    ประชากร 350,898 คน (2545) ประกอบด้วย มาเลย์ (67%) จีน (15%) และอื่น ๆ (18%) มีอัตราการเพิ่มของประชากรปีละ 2.06 %


    แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ






    กัมปงไอเยอร์ 

         หมู่บ้านกลางน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชมศิลปะการสร้างบ้านเรือนนับพันบริเวณปากแม่น้ำบรูไน และการคมนาคมอันแปลกตา พร้อมรับประทานของว่าง อันเป็นขนมท้องถิ่นและน้ำชา ชาวยุโรปในยุคแรกที่เข้ามาที่บรูไน เรียกขานหมู่บ้านกลางน้ำนี้ว่า เวนิซแห่งตะวันออก มีบ้านแบบพื้นเมืองปลูกสร้างไว้มากมาย หมู่บ้านกลางน้ำนี้ก็มีสาธารณูปโภคครบครัน ทั้งโรงเรียน สถานีอนามัย สถานีตำรวจ ร้านค้า และอีกจิปาถะที่ทำให้กำปงไอเยอร์มีเสน่ห์และน่าพิศมัยต่อสายตาของผู้ที่มาพบเห็น









    พระราชวังหลังคาทองคำ

          อิสตาน่า นูรูล อิมาน ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์สุลต่านและพระราชวงศ์ อีกทั้งยังเป็นทำเนียบรัฐบาลด้วย มีห้องต่างๆ ถึง 1,788 ห้อง สร้างอยู่บนพื้นที่ 300 เอเคอร์ โรงรถมีที่จอดรถกว่า 350 คัน